เพื่อเป็นการรื้อฟื้น และเสริมสำนึกถึงหน้าที่รับผิดชอบในบทบาทของคริสตชนในพระศาสนจักร ในโลก และในสังคมที่ตนอยู่
อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ได้ประกาศเริ่มการรณรงค์นี้แล้วนับแต่วันที่ 6 มกราคม 1991 และคณะองค์กรฆราวาสแพร่ธรรมต่างๆ ในอัครสังฆมณฑลก็ได้ตอบสนองนโยบายดังกล่าวด้วยโครงการกิจกรรมต่างๆ ของตนโดยพร้อมเพรียงกัน
ทางกลุ่มนักธุรกิจคาทอลิกจึงเห็นเป็นการสมควรที่จะมีส่วนร่วมในการรณรงค์ Evangelization 2000 นี้ด้วย
โดยรวมตัวกันเป็นกลุ่ม นธค. ขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1992 ด้วยความเห็นชอบของ ฯพณฯ พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ประมุขอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ในขณะนั้น ซึ่งปรารถนาจะเห็นการรวมกลุ่มของนักธุรกิจคาทอลิกนี้มานานแล้วเช่นกัน
ชมรมนักธุรกิจคาทอลิกได้ดำเนินการรวบรวมนักธุรกิจ นักบริหาร เจ้าของกิจการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐ และองค์กรต่างๆ ที่สนใจในกิจกรรมของชมรม จัดการประชุมพบปะกันทุก 6 สัปดาห์ต่อครั้ง จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งด้านการบริหารงานและการใช้ชีวิตในสังคมไทย กิจกรรมด้านเสริมความรู้ ความเชื่อในด้านศาสนาและจริยธรรม กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตลอดจนการเตรียมการสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่จากจำนวนสมาชิกมากกว่า 360 ท่าน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมในกิจกรรมต่างๆ มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่วาระและโอกาส โดยมีแนวโน้มที่ต้องยอมรับว่านับวันจำนวนสมาชิกที่สนใจมาร่วมกิจกรรมชมรมฯ โดยสม่ำเสมอมีจำนวนลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ
ในเวลาเดียวกัน เคยมีการสำรวจสถานภาพทางเศรษฐกิจองค์กร กิจการค้า ธนาคาร โรงงานอุตสาหกรรมที่มีเจ้าของ ผู้ถือหุ้น ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคาทอลิกก่อนปี 2540 พบว่าหากรวมจำนวนทรัพย์สินของธุรกิจการค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันมีจำนวนสูงถึง 30% ของ GNP ของประเทศไทยในปีนั้น ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมากทั้งที่จำนวนคาทอลิกในประเทศมีเพียง 0.5% ของประเทศเท่านั้น หากมองตัวเลขของประชากรที่ยังอยู่อย่างแร้นแค้นใต้เส้นความอยากจน (Under the poverty line) ซึ่งตัวเลขในปี 2002 กำหนดครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 922 บาท โดยมีประชากรถึง 6.22 ล้านคน คิดเป็น 9.76 % ของประชากรทั้งหมด
หากพลังของนักธุรกิจคาทอลิกที่มีส่วนอยู่ถึง 30% ของ GNP ของประเทศสามารถร่วมกันอย่างแข็งขันในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสร้างสรรค์สังคมโลกตามจิตตารมณ์แห่งคริสตชน สังคมประเทศไทยและสังคมโลกจะน่าอยู่สักเพียงใด ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการชุดปัจจุบัน จึงได้ทำวิเคราะห์สถานการณ์ และกำหนดแผนงานใหม่ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างชมรมนักธุรกิจคาทอลิกให้เป็นองค์กรที่เข้มแข็ง มีส่วนร่วมทั้งในงานของพระศาสนจักรคาทอลิก และทั้งในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมเพื่อจะช่วยสร้างทุนทางสังคมของประเทศ อันเป็นการช่วยพัฒนาประเทศชาติให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืนต่อไป
นักธุรกิจคาทอลิก (นธค.) คือ กลุ่มคาทอลิกที่ดำเนินชีวิตในการทำธุรกิจ เพื่อสร้างสรรค์สังคมโลกตาม จิตตารมณ์แห่งคริสตชน เป็นพยานถึงองค์พระคริสต์ในทุกกิจกรรมและทุกกรณี ด้วยการสร้างเสริมความยุติธรรม สันติ และความรัก เพื่อนำไปสู่ความครบบริบูรณ์ของชีวิต
สมาชิก นธค. แต่ละคน จะมุ่ง…
คณะกรรมการมีหน้าที่กำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร และจัดหางบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และพันธกิจของชมรมฯ
ในยุคปัจจุบันสมาชิก นธค. ควรตระหนักว่าชีวิตคริสตชนเป็นกระแสเรียกของพระเป็นเจ้าให้เข้าร่วม ทำงานของพระองค์บนโลกนี้ โดยทางศีลล้างบาปมีส่วนร่วมในภารกิจขององค์พระคริสตเจ้าในฐานะ
สมาชิก นธค. ควรสำนึกว่า จุดมุ่งหมายชีวิตของเรามิได้มีจุดมุ่งหมายของชีวิตทางฝ่ายโลก ในฐานะที่เป็นชาวโลกเท่านั้น แต่เราคริสตชนมีจุดมุ่งหมายของชีวิตสูงสุดจริงๆ ในอาณาจักรของพระเป็นเจ้า ในฐานะที่เป็นประชากรของพระเป็นเจ้า และเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายสุดยอดของชีวิตนี้ เราจึงจำต้องยึดมั่นตามคำสอนของพระคริสต์
สมาชิก นธค. ในฐานะเป็นฆราวาสคริสตชน จึงต้องมีบทบาทในด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราตามงานที่พระมอบหมาย (Mission) เราต้องประกาศพระวรสาร (Evangelization) เป็นสักขีพยาน (Witness) เป็นแสงสว่างส่องโลก เป็นเกลือของโลก งาน/หน้าที่เหล่านี้ สามารถทำได้ในฐานะส่วนตัว เป็นการส่วนตัว หรือเป็นกลุ่ม เป็นคณะ เป็นองค์กร ฯลฯ ในสภาพปัจจุบันการรวมกลุ่มยิ่งนับวันยิ่งมีความสำคัญขึ้นตามที่พระคริสต์เคยตรัสไว้ว่า ณ ที่ใดมีคน สองสามคนประชุมกันในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขา (มธ.18:20)